Support
Topmulti
02-467-5353,063-373-4722 , 063-373-4723
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2017-01-16 21:00:58.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  วันครูแห่งชาติ2560 (Repost)

 วันที่ 16 มกราคม ของทุกๆปี ศิษย์หลายๆคนคงได้เห็นความสำคัญของวันนี้เป็นอย่างมากเนื่องจากวันนี้เป็นวันครูแห่งชาติ ทางโรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์จึงขอนำบทความวันครูมาฝากกัน

วันครูแห่งชาติ

ครู คือ ผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ หรือ ผู้ที่สั่งสอน ครูไม่ได้หมายถึงคุณครูที่อยู่ในโรงเรียนมีอาชีพเป็นครูเท่านั้น พ่อและแม่ยังถือว่าเป็นครูคนแรกของเราอีกด้วย เพราะท่านได้เลี้ยงดูเีรา สั่งสอนเรามาตั้งแต่เล็กจนเติบโต ครูสอนเราให้มีความรู้ นับว่าเป็นผู้ให้ชีวิตและความรัก ดังนั้นครูจึงนับว่าเป็นปูชนียบุคคลสำคัญอย่างมากคนหนึ่ง

ประวัติความเป็นมาของวันครู

ประเทศไทยมีการจัดให้มีวันครูขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 มีการสืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ.2488 โดยมีการระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภา สภานี้มีหน้าที่เรื่องของสถาบันวิชาชีพครูและให้คุณครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา อีกทั้งยังมีหน้าที่ให้ความเห็นทางนโยบายการศึกษา ควบคุมวินัยและจรรยาของครู รักษาผลประโยชน์ สงเสริมฐานะครู

คุรุสภาจะมีการจัดประชุมสามัญประจำปีในทุกๆปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูทั่วประเทศได้ชี้แจงผลงานในปีที่ผ่านมา และถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และต่อมาใช้หอประชุมคุรุสภา

เมื่อปี พ.ศ.2499 จอมพล ป.พิบูล สงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติศักดิ์ ได้กล่าวในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปีว่า

"ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่า วันครู ควรมีสักวันหนนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อวันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง"

จากแนวคิดนี้และความคิดเห็นของครูที่เรียกร้องให้มีวันครูเพื่อนรำลึกถึงความสำคัญของแม่พิมพ์ของชาติ จึงมีการเสนอคณะกรรมการอำนวยการ โดนใช้หลักการว่า  จะได้ส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน

ดังนั้นจึงมีมติให้วันที่ 16 มกราคม ของทุกปี เป็นวันครูแห่งชาติ โดยกระทรวงศึกษาธิการได้สั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าว

 

 

 

 


โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอขอบคุณ : http://education.kapook.com/view106745.html

guest

Post : 2016-10-27 01:37:48.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ประวัติการพิมพ์ในประเทศไทย

 ประวัติการพิมพ์ในประเทศไทย

    ในปีพ.ศ.2205 (ค.ศ.1662) สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กรุงศรีอยุธยา โดยมิชชันนารีฝรั่งเศสที่ได้เข้ามาสอนศาสนาในสมัยนั้น มีสังฆราชองค์หนึ่งชื่อ ลาโน(Mgr Laneau) ได้ริเริ่มแต่งและพิมพ์หนังสือคำสอนทางคริสต์ศาสนาขึ้น นับว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงพอพระทัยการพิมพ์ของสังฆราชลาโนถึงกับทรงโปรดให้ตั้งโรงพิมพ์ขึ้นที่เมืองลพบุรี เป็นส่วนของหลวงอีกโรงพิมพ์หนึ่งต่างหาก (อำไพ จันทร์จิระ. 2512 : 73 - 74) และต่อมาภายหลังรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระเพทราชาได้ขับไล่บาทหลวงฝรั่งเศสออกจากราชอาณาจักรสยามกิจการพิมพ์ในสมัยอยุธยาจึงหยุดชะงักและไม่ปรากฎว่ามีหลักฐานการพิมพ์หลงเหลืออยู่

    ในสมัยพระเจ้าตากสิน เมื่อบ้านเมืองปกติแล้ว บาทหลวงคาทอลิกชื่อ คาร์โบล ได้กลับเข้ามาสอนศาสนา จัดตั้งโรงพิมพ์และพิมพ์หนังสือขึ้นที่วัดซันตาครูส ตำบลกุฎีจีน จังหวัดธนบุรี หนังสือฉบับนั้นลงปีที่พิมพ์ว่าเป็นปีค.ศ.1796 (พ.ศ.2339) ซึ่งคาบเกี่ยวมาถึงรัชสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์และสันนิษฐานได้ว่า แม่พิมพ์คงใช้วิธีการแกะแม่พิมพ์ไม้เป็นหน้า ๆ มากกว่าการใช้ตัวเรียงพิมพ์โลหะ

    พ.ศ.2536 (ค.ศ.1813) ได้มีการหล่อตัวพิมพ์เป็นภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรกโดยนางจัดสัน (Nancy Judson) ซึ่งเป็นมิชชันนารีอเมริกัน และเข้ามาดำเนินกิจการทางศาสนาในเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า นางมีความสนใจภาษาไทยจากเชลยชาวไทยในพม่าและได้ดำเนินการหล่อตัวพิมพ์ภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก ต่อมาตัวแม่พิมพ์ภาษาไทยชุดนี้ได้ถูกนำไปยังเมืองกัลกัตตา และมีผู้ซื้อต่อโดยนำมาไว้ที่สิงคโปร์ นักบวชอเมริกันได้ซื้อตัวพิมพ์ และแท่นพิมพ์ดังกล่าวแล้วนำเข้าสู่เมืองไทยอีกทีหนึ่ง โดยมิชชันนารีคณะ American Board of Commisioner for Foreign Missions (กำธร สถิรกุล. 2515 : 198)

    พ.ศ.2371 (ค.ศ.1828) นายทหารอังกฤษชื่อ ร้อยเอกเจมส์โลว์ (Captain James Low) รับราชการอยู่กับรัฐบาลอินเดีย มาทำงานที่เกาะปีนังเรียนภาษาไทยจนมีความสามารถเรียบเรียงตำราไวยากรณ์ไทยขึ้น และได้จัดพิมพ์หนังสือไวยากรณ์ขึ้นเล่มหนึ่งชื่อว่า "A Grammar of the Thai" พิมพ์ที่ The Baptist Mission Press ที่เมืองกัลกัตตา หนังสือเล่มนี้ยังคงมีเหลือตกทอดมาให้เห็นจนถึงปัจจุบัน จึงนับว่าเป็นหนังสือที่พิมพ์ด้วยตัวเรียงภาษาไทยที่เก่าแก่ที่สุด

วัชรสูตร หรือ Diamaond Surta เป็นหนังสือเล่มแรกของโลกที่ได้รับการตีพิมพ์ ขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม  ปี ค.ศ. 868  เพื่อแจกจ่ายให้แก่คนทั่วไป โดยพุทธศาสนิกชนชาวจีน ชื่อ เฉีย ( Wang Chieh ) สิ่งพิมพ์นี้มีขนาดกว้าง ยาว หน้าละ 12 x 30 นิ้ว ประกอบด้วยภาพและตัวอักษรว่าด้วยความเป็นอนัตตา ของสรรพสิ่งตามธรรมเทศนาของพระพุทธองค์ ได้รับการตีพิมพ์โดย บล็อกไม้แกะ ถูกเก็บรวมไว้กับเอกสารอื่นกว่าพันชิ้นในถ้ำใกล้เมืองตุนหวง เป็นเวาช้านาน กว่าที่นักพรตนิกายเต๋าท่านหนึ่งเข้าไปพบในปี ค.ศ.1900

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอขอบคุณข้อมูล

จากหนังสือ บันทึก 366 วัน

พิศาล สร้อยธุหร่ำ เรียบเรียง

guest

Post : 2016-10-24 23:40:38.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  เริ่มต้นการพิมพ์ของประเทศทางตะวันตก

การพิมพ์ของประเทศทางตะวันตก

    ผู้ที่คิดค้นวิธีพิมพ์อย่างเป็นระบบเป็นคนแรกจนได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของการพิมพ์คือ โจฮัน กูเต็นเบิร์ก (Johann Gutenberg) เพราะเขาได้ประดิษฐ์แท่นพิมพ์ พัฒนาแม่แบบสำหรับหล่อตัวพิมพ์โลหะเป็นตัว ๆ สามารถที่จะเรียงเป็นคำ เป็นประโยคและเมื่อใช้พิมพ์ไปแล้วก็สามารถนำกลับมาเรียงใหม่ เพื่อใช้หมุนเวียนได้อีก ซึ่งเรียกว่าเป็นวิธี Movable ตลอดจนการค้นคิดวิธีการทำหมึกที่ได้ผลดีสำหรับใช้กับตัวเรียงโลหะ ผลงานอันมีชื่อเสียงของกูเต็นเบิร์กคือ คัมภีร์ 42 บรรทัด (42-Lines Bible) เมื่อปี ค.ศ.1455 นั่นเอง (วัลลภ สวัสดิวัลลภ. 2527 : 86)

    ค.ศ.1495 Albrecht Durer ศิลปินแกะไม้ชาวเยอรมัน ซึ่งเคยเป็นจิตรกรช่างเขียนภาพได้คิดวิธีพิมพ์จากแม่พิมพ์ทองแดง (Copper plate engraving) โดยการใช้ของแหลมขูดขีดให้เป็นรูปรอยบนแผ่นทองแดง และใช้พิมพ์แบบ Gravure เป็นครั้งแรกในเยอรมัน (กำธร สถิรกุล. 189)

    ต่อมีในปี ค.ศ.1793 ชาวเยอรมันชื่อ Alois Senefilder ได้ค้นพบวิธีการพิมพ์หิน (Lithography) ซึ่งเป็นวิธีการพิมพ์แบบพื้นราบ (Planographic printing) ขึ้นเป็นครั้งแรก

    ค.ศ.1904 Ira Washington Rubel ช่างพิมพ์ชาวอเมริกันได้สังเกตเห็นว่า ในการป้อนกระดาษเข้าพิมพ์โดยแท่น Cylinder press บางครั้งลืมป้อนกระดาษเข้าไป หมึกจะพิมพ์ติดบนลูกกลิ้งแรงกด และเมื่อป้อนกระดาษแผ่นถัดไปหมึกบนตัวพิมพ์จะติดบนกระดาษหน้าหนึ่ง แต่หมึกบนลูกกลิ้งจะติดกระดาษอีกหน้าหนึ่ง เมื่อสังเกตดูแล้วพบว่า หมึกที่ติดบนลูกกลิ้งก่อนที่จะติดบนกระดาษนั้นจะมีลักษณะสวยงามกว่าหมึกที่พิมพ์จากตัวพิมพ์ไปติดกระดาษโดยตรง จึงได้คิดวิธีพิมพ์ระบบ Off set printing ขึ้น

    ค.ศ.1907 Samuel Simon แห่งเมือง Manchester ได้ปรับปรุงการพิมพ์ระบบ Silk screen และจดทะเบียนลิขสิทธิ์ที่ประเทศอังกฤษ

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอขอบคูณแหล่งข้อมูล

guest

Post : 2015-07-31 14:33:56.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การพิมพ์ในช่วงประวัติศาสตร์ยุคแรก(4)

 

ชาวจีนนิยมใช้เทคนิคการพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์แกะไม้ และพัฒนาขึ้นตามลำดับ การพิมพ์เป็นหนังสือพิมพ์เล่มแรกเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.868 โดย วาง เซียะ (Wang Chieh)  ซึ่งมีลักษณะเป็นม้วน มีความยาว 17.5 ฟุต กว้าง 10.5 นิ้ว และในปัจจุบันหนังสือเล่มนี้ยังคงตกทอดลงมารุ่นสู่รุ่น โดยมีชื่อว่า วัชรสูตร (Diamond Sutra)

 

 

    เมื่อประมาณปี ค.ศ.1041 - 1049 การพิมพ์แบบใหม่ที่ได้เข้ามาแทนที่วิธีการพิมพ์แบบเดิมที่ใช้การแกะไม้เป็นแม่พิมพ์ คือ การพิมพ์แบบแม่พิมพ์นูน (เรียกว่า Block โดยแม่พิมพ์ดังกล่าวสามารถพิมพ์ได้เพียงรูปแบบเดียว มาเป็นการใช้แม่พิมพ์ชนิดที่หล่อขึ้นเป็นตัว ๆ และนำมาเรียงให้เป็นคำเป็นประโยค ซึ่งในปัจจุบันเรียกว่า "ตัวเรียงพิมพ์ (Movable type) เมื่อพิมพ์เสร็จแล้ว จะสามารถนำกลับไปเก็บและสามารถนำมาผสมคำใหม่ในการพิมพ์ครั้งต่อ ๆ ไปได้ ผู้ที่ค้นพบวิธีการใหม่นี้เป็นชาวจีนชื่อ ไปเช็ง (Pi Sheng) โดยใช้ดินเหนียวปั้นให้แห้งแล้วนำไปเผาไฟ

 

    การสร้างตัวเรียงพิมพ์โลหะ เริ่มมีขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศเกาหลีเมื่อประมาณปี ค.ศ.1241 ได้มีการหล่อตัวพิมพ์โลหะขึ้นเป็นจำนวนมากตามดำริของกษัตริย์ไทจง (Htai Tjong) 

 

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์

guest

Post : 2015-07-01 11:00:02.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การพิมพ์ในช่วงประวัติศาสตร์ยุดแรก(3)

 

ในปัจจุบัน งานพิมพ์ที่เก่าแก่ที่สุดและยังคงหลงเหลืออยู่ คือ การพิมพ์คำสวดของจักรพรรดินีโชโตกุแห่งประเทศญี่ปุ่น

เมื่อราวๆปี ค.ศ.770 จักรพรรดินีโชโตกุได้รับสั่งให้จัดพิมพ์คำสวดนี้ขึ้นเพื่อปัดรังควาน ขับไล่วิญญาณหรือผีร้ายให้พ้นจากประเทศญี่ปุ่น และคำสวดได้ถูกแจกจ่ายไปตามวัดทั่วทั้งอาณาจักรญี่ปุ่นสมัยนั้น โดยมีจำนวนหนึ่งล้านแผ่นและต้องใช้เวลาตีพิมพ์เป็นเวลา 6 ปี

 

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอบคุณ : สนั่น ปัทมะทิน

 

  

 

guest

Post : 2015-06-24 15:28:41.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การพิมพ์ในช่วงประวัติศาสตร์ยุคแรก(2)

     

หลังจากที่มนุษย์เริ่มมีการคิดริเริ่มทำแม่พิมพ์แบบ Letter Press ในเมื่อประมาณ 255 ปี ก่อนคริสต์กาล

 ต่อมาในปี ค.ศ.105 ชาวจีนชื่อ ไซลั่น ได้คิดค้นวิธีทำกระดาษขึ้น และได้กลายเป็นวัสดุที่สำคัญในการเขียนและการพิมพ์ในยุคต่อมา ในปี ค.ศ.175 เทคนิคพิมพ์ถู (Rubbing)ได้เกิดขึ้นใน ประเทศจีน โดยมีการแกะสลักวิชาความรู้ไว้บนแผ่นหิน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้นำกระดาษมาวางทาบบนแผ่นหินแล้วใช้ถ่านหรือสีทาลงบนกระดาษ สีก็ติดบนกระดาษส่วนที่หินนูนขึ้นมา เทคนิคนี้ดูจะเหมือนกับการถู ลอกภาพรามเกียรติ์ที่แกะสลักบนแผ่นหินอ่อนที่วัดโพธิ์ในทุกวันนี้

    และในปี ค.ศ.400 ชาวจีนรู้จักการทำหมึกแท่งขึ้น โดยใช้เขม่าไฟเป็นเนื้อสี (Pigment) ผสมกาวเคี่ยวจากกระดูกสัตว์ หนังสัตว์และเขาสัตว์เป็นตัวยึด (Binder) หลังจากนั้นทำให้แข็งเป็นแท่ง ซึ่งชาวจีนเรียกว่า "บั๊ก" ต่อมาราวๆปี ค.ศ.450 การพิมพ์ด้วยหมึกบนกระดาษจึงเกิดขึ้นโดยใช้ตราจิ้มหมึกแล้วตีลงบนกระดาษเช่นเดียวกับการประทับตรายางในปัจจุบัน

 

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์

 

guest

Post : 2015-06-02 23:12:43.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  วันออมสิน ( 1 เมษายน )

 

ในวันที่ 1 เมษายน ของทุกๆปี ซึ่งตรงกับวัน April Fools’ Day ของวัฒนธรรมของชาติตะวันตก เป็นหนึ่งวันสำคัญของประเทศไทยนั่น คือ วันออมสิน

วันออมสิน

ต้นแบบการออมกำเนิดขึ้นเมื่อ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงเห็นคุณประโยชน์ของการออม ในปี พ.ศ.2450 ท่านจึงทรงจัดตั้งคลังออมสินทดลองขึ้นโดยทรงพระราชทานนามว่า ลีฟอเทีย เพื่อทรงใช้ศึกษาและสำรวจนิสัยของคนไทยเบื้องต้น


กำเนิดของธนาคารออมสิน สามารถแบ่งเป็น 3 ยุค คือ

  1. กำเนิด พระองค์โปรดเกล้าให้ดำเนินการจัดตั้ง คลังออมสินขึ้นในสังกัด กรมพระคลังมหาสมบัติ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ และ พระราชทานพระบรมราชานุญาตประกาศใช้ พระราชบัญญัติคลังออมสิน พ.ศ.2458 และประกาศใช้ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2456
  2. เติบโต  ต่อมาในปี พ.ศ.2472 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงมีพระราชดำริให้โอนกิจการคลังออมสินให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรมไปรษณีย์โทรเลข ทำให้เป็นที่นิยมและแพร่หลาย จึงเรียกได้ว่าเป็น ยุคแห่งความก้าวหน้าของการคลังออมสินแห่งประเทศไทย
  3. มั่นคง หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง รัฐบาลได้เห็นถึงคุณประโยชน์ของการออมทรัพย์และความสำคัญของคลังออมสิน จึงได้ยกให้คลังออมสินขึ้นเป็นองค์กรของรัฐ มีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2490 คำว่า คลังออมสินก็ได้เปลี่ยนเป็น ธนาคารออมสิน นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

 

 

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.gsb.or.th/about/

guest

Post : 2015-06-01 12:09:54.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  April Fools' Day ( 1 เมษายน )

 

การโกหกนั้นถือว่าเป็นการทำผิดศีลข้อนึง แต่จะมีวันนึงที่ผู้คนสามารถโกหกกันได้โดยจะถือว่าไม่ผิด ทางโรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์เชื่อว่า คงไม่มีใครไม่รู้จักวันนี้ วันนี้ตรงกับวันที่ 1 เมษายนของทุกๆปี หรือ เรียกว่า April Fools’ Day

 

April Fools’ Day

 

April Fools’ Day หรือ คนไทยอาจจะรู้จักกันในชื่อว่า 1 เมษา วันโกหก หรือ วันเมษาหน้าโง่ เป็นวันที่ผู้คนสามารถผู้เรื่องโกหกแกล้งคนอื่นได้ โดยวันนี้จะเป็นประเพณีของประเทศทางตะวันตก แต่ในปัจจุบัน ประเพณีนี้ได้แพร่หลายไปทั่วทั้งโลก ในประเทศเองก็มีการแกล้งกันในวันนี้อีกด้วย April Fools’ Day ตรงกับวันที่ 1เมษายน ของทุกๆปี โดยเป็นที่นิยมตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 และไม่ถือว่าเป็นวันหยุด

ความเป็นมา

April Fools’ Day เชื่อว่ากำเนิดที่ประเทศฝรั่งเศส ในยุคศตวรรษที่ 16 ในยุคนั้นชาวฝรั่งเศสมีวันปีใหม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน กระทั่งมาถึง ค.ศ.1562 โป๊ป เกรกอรี จึงกำหนดให้ชาวคริสต์ทั่วโลกฉลองวันปีใหม่พร้อมกันวันที่ 1 มกราคม และในสมัยก่อนการกระจายข่าวสารนั้นเป็นไปโดยช้าซึ่งต่างจากยุคปัจจุบัน ทำให้คนบ้านนอกของฝรั่งเศสบางกลุ่มยังไม่รู้ จึงฉลองวันปีใหม่กันวันที่ 1 เมษาฯเหมือนเดิม ทำให้พวกไม่ตกยุคเย้ยหยันพวกตกยุคว่า "หน้าโง่" แถมยังพยายามจะแกล้งหลอกคนกลุ่มนี้เพื่อความสนุกสนานอีกด้วย

นอกจากความเชื่อยังมีความเชื่อขึ้นอีกว่า วันโกหกนี้เริ่มจากพวกโรมันโบราณมีเทศกาลที่เรียกว่า "Cerealia" จัดในช่วงต้นเดือนเมษายน เรื่องเล่านี้มีว่า เทพเจ้าชื่อ Ceres ทรงได้ยินเสียงสะท้อนของพระธิดา Prosperpina ตะโกนมาว่า เธอถูกจับตัวไปอยู่ใต้ผืนดินโดยเทพพลูโต Ceres จึงตามเสียงลูกสาวไป และได้พบความจริงที่ว่า การตามเสียงสะท้อน เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลย เหมือนว่าพระองค์ทรงถูกหลอกนั่นเอง

นอกจากนี้มีอีกทฤษฎีที่เชื่อว่า วันโกหกเกิดจากช่วงฤดูใบไม้ผลิมีคำกล่าวที่ว่า ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หนุ่มสาวจะออกตามหาความรัก สัตว์ต่างๆ หาคู่ด้วยในช่วงเดือนเมษายน พวกนักบวชจะพยายามหลอกล่อวิญญาณของความชั่วร้ายอย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้มันมาขัดขวางความรักของทั้งหนุ่มสาว พืช และสัตว์ ดังนั้นจึงเป็นเดือนที่นักบวชจะต้องสวดเพื่อล่อวิญญาณร้ายซึ่งวิธีนี้เริ่มขึ้นในอเมริกา และเผยแพร่ไปที่อังกฤษ และลามเข้าไปในประเทศอื่นๆ

 

โรงพิมพ์ท็อปลมัลติพริ้นทส์ขอบคุณ :  http://campus.sanook.com/1264002/

guest

Post : 2015-04-22 12:07:05.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  วันวันพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า ( 31 มีนาคม )

   

วันพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า

 

 

วันพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า ตรงกับวันที่ 31 มีนาคม ของทุกๆปี ซึ่งเป็นวันระลึกถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 3 ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในการทำนุบำรุงบ้านเมืองไม่ว่าจะเป็นด้านการศาสนา การศึกษาและอื่นๆอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง

          ในทางราชการถือเป็นวันนี้เป็นวันสำคัญของชาติวันหนึ่ง  เพื่อให้รัฐบาลและประชาชนชาวไทยได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อราษฎรและแผ่นดินไทย   พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาบดินทร์พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชสมัยแห่งการครองราชย์ของท่านนั้น ทรงปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขและพัฒนาให้ชาติไทยมีความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้าน  ทั้งด้านการเมือง  การทหาร  ที่ทรงทำนุบำรุง  และสามารถรักษาความเป็นชาติอธิปไตยของชาติไทยไว้ได้

          ครั้นเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตล่วงเลยมา 43 ปี พระองค์ก็ยังได้โปรดพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ "เงินถุงแดง"  ไว้เพื่อประโยชน์แก่แผ่นดิน และเงินจำนวนนี้สามารถใช้กอบกู้เอกราชในดินแดนบางส่วนและรักษาอำนาจอธิปไตยไว้ได้จนทุกวันนี้  ประชาชนชาวไทยและรัฐบาลจึงพร้อมใจกันประดิษฐานพระราชานุสาวรีย์  ณ  ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ หน้าวัดราชนัดดาราม ในปี  พ.ศ.2541  ทางราชการได้มีการถวายพระราชสมัญญาว่า  "พระมหาเจษฎาราชเจ้า" และได้ไช้ชื่อวันงานใหม่ว่า "วันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า"

 

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอบคุณข้อมูลจาก www.culture.go.th

guest

Post : 2015-04-13 09:00:53.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  วันกองทัพอากาศ ( 27 มีนาคม )

 

ประวัติ วันกองทัพอากาศ

วันกองทัพอากาศเริ่มต้น มีชาวต่างชาติได้มีการนำเอาเครื่องบินมาแสดงโดยมีชื่อว่าอองรีฟาร์มังและในปีเดียวกัน จอมพล สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ ภูวนารถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ(เสนาธิการ ทหารบก) นำความขึ้นกราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 6) ถึงความจำเป็นและความเป็นประโยชน์ของเครื่องบินไว้เพื่อป้องกันประเทศ หลังจากนั้น มีคำสั่งให้นายทหารนักบิน จำนวน 3 นาย ได้แก่

1.นายพันโทหลวงศักดิ์ศัลยาวุธ

2.นายพันตรีหลวงอาวุธสิธกร

3.นายร้อยเอกหลวงทยานพิมาฎ

ไปศึกษาวิชาการบินที่ประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างที่นายทหารนักบินศึกษา วิชาการบินอยู่นั้น กระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งซื้อเครื่องบินจำนวน 8 ลำ หลังสำเร็จการศึกษาได้เดินทางกลับประเทศพร้อมเครื่องบินจำนวน 8 ลำที่ถูกสั่งซื้อไว้ และได้ทดลองเครื่องบินครั้งแรกในวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2456 หลังจากนั้นในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2456 (ขณะนั้นประเทศไทยนับวันที่ 1 เมษายนเป็นวันขึ้นปีใหม่จนถึงปี พ.ศ.2483) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแสดงการบินครั้งแรกของประเทศไทย บุพการีทั้ง 3 ท่าน จึงได้พิจารณาหาพื้นที่ ที่มีความเหมาะสมต่อการบิน และได้เลือกเอาตำบลดอนเมือง เป็นที่ตั้งสนามบิน พร้อมทั้งได้ก่อสร้างอาคาร สถานที่โรงเก็บเครื่องบินอย่างถาวรขึ้น เมื่อการโยกย้ายกำลังพล อุปกรณ์ และเครื่องบิน ไปไว้ยังที่ตั้งใหม่เรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2457 กระทรวงกลาโหม จึงได้สั่งยกแผนกการบินขึ้นเป็น "กองบินทหารบก" ซึ่งถือได้ว่า กิจการการบินของไทย ได้วางรากฐานอย่างมั่นคงขึ้นแล้ว ตั้งแต่บัดนั้นมา กองทัพอากาศจึงถือเอา วันที่ 27 มีนาคม ของทุกปีเป็น "วันที่ระลึกกองทัพอากาศ"

 

ประวัติโดยสังเขป

27 มีนาคม 2457 - ยกฐานะจากแผนกการบินเป็น กองบินทหารบก โดยถือวันนี้เป็นวันที่ระลึกกองทัพอากาศ

29 มีนาคา 2461 - ยกฐานะเป็นกรมอากาศยานทหารบก

1 ธันวาคม 2464 - เปลี่ยนชื่อจากกรมอากาศยานทหารบกเป็นกรมอากาศยาน ซึ่งขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม

12 เมษายน 2487 - ยกฐานะเป็น กรมทหารอากาศ

9 เมษายน 2480  - สถาปนาเป็นกองทัพอากาศ ถือเอาวันที่27 มีนาคมเป็น วันกองทัพอากาศ

 

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.rtaf.mi.th/page.aspx?p=20

 



 

guest

Post : 2015-04-07 21:21:12.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  วันน้ำโลก ( 22 มีนาคม)

คนบนโลกนี้ไม่มีใครเลยที่ไม่ใช้น้ำ ทุกๆคนย่อมใช้น้ำในการทำสิ่งต่างๆตั้งแต่ใช้งานจนถึงการดื่มกิน แต่ทุกคนรู้มั้ยว่า น้ำสำคัญต่อเราแค่ไหน โรงพิมพ์ท็อปลมัลติพริ้นทส์ จึงน้ำความรู้เกี่ยวกับวันน้ำโลกมาฝากกัน

 วันน้ำโลก 22 มีนาคม

วันน้ำโลก (World Day for Water) ตรงกับวันที่ 22 มีนาคม ของทุกปี เนื่องจากองค์การสหประชาชาติ ได้ตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกๆ ปี และอาจจะก่อให้เกิดการแย่งชิงน้ำขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้น จึงได้มีการประกาศจาก สมัชชาสหประชาชาติ ในปี ค.ศ. 1992 ว่า ให้วันที่ 22 มีนาคม ของทุกปีเป็น “วันน้ำโลก” หรือ “World Day for Water)
เพื่อระลึกถึงความสำคัญของน้ำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก อีกทั้งยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในหมู่มวลมนุษยชาติ ในเรื่องการอนุรักษ์น้ำอีกด้วย

world water day 2015

world water day 2015

 

จากการที่น้ำจืดของโลกขาดแคลนมากขึ้น ในปี พ.ศ.2535 สมัชชาสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 22 มีนาคม ของทุกปีเป็น “วันน้ำของโลก” หรือ “World Day for Water” โดยเริ่มต้นในปี 2536 เป็นปีแรก และชักชวนให้ประเทศต่างรับเป็นวันสิ่งแวดล้อมของชาติ เพื่อระลึกถึงความสำคัญของน้ำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในหมู่มวลมนุษยชาติในเรื่องการอนุรักษ์น้ำ ช่วยกันดูแล บำรุงรักษา การพัฒนาแหล่งน้ำ และจัดการทรัพยากรน้ำจืดอย่างยั่งยืนสำหรับอนาคต ตลอดจนดำเนินการตามข้อเสนอแนะของที่ประชุมสหประชาชาติปี2535ว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา หรือที่เรียกกันว่า Agenda 21 มีการจัดกิจกรรมการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่องน้ำของโลกขึ้นที่ประเทศต่างๆ ดังนี้

ครั้งที่ 1: ปี 2540 ณ ประเทศโมร็อกโก
ครั้งที่ 2: ปี 2543 ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์
ครั้งที่ 3: ปี 2546 ณ ประเทศญี่ปุ่น

 

โรงพิมพ์ท็อปลมัลติพริ้นทส์ขอขอบคุณ http://scoop.mthai.com/specialdays/5015.html

guest

Post : 2015-03-22 20:57:13.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  วันกวีนิพนธ์สากล ( 21 มีนาคม )

ในวันที่ 21 มีนาคม คนไทยหลายๆคนอาจจะรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 29 ของประเทศไทย แต่วันนี้ยังเป็นวันเกิดของบุคคลสำคัญอีกคนของโลก คือ  โจฮันน์ เซบัสเตียน บาค

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์นำความรู้มาฝากกันครับ

 

วันกวีนิพนธ์สากล

 

โจฮันน์  เซบัสเตียน  บาค เกิดเมื่อวันที่  21  มีนาคม  พ.ศ.  2228  ณ  เมืองไอเซนาค  ประเทศเยอรมัน  เป็นบุตรของ  Johann  Ambrosius  Bach  นักไวโอลินฝีมือดีแห่งเมืองไอเซนาค  แม่ชื่อ  Elisabeth  Lammerhirt  Bach  ตระกูลบาคเป็นตระกูลใหญ่และเก่าแก่มาก  ดำเนินอาชีพทางดนตรีสืบต่อกันมาเป็นเวลานานกว่าสอง ศตวรรษ  “โจฮันน์เซบัสเตียน บาค  เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในตระกูลนี้ ถ้าพูดถึง 3  B ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว หมายถึงบาคร่วมอยู่ด้วย

บาคได้รับการศึกษาในชั้นต้นจากโรงเรียนประจำท้องถิ่น  และขณะเดียวกันก็ได้เรียนไวโอลินและวิโอลา  กับพ่อของเขาไปด้วย เมื่อบาคอายุได้ 9 ขวบ  แม่ของเขาก็ถึงแก่กรรม  ทำความเศร้าโศกให้แก่เขาเป็นอย่างมาก  แม่ถึงแก่กรรมไม่นานนัก  พ่อของเขาก็แต่งงานใหม่  และต่อมาไม่ถึงปีก็ต้องสูญเสียพ่ออันเป็นที่รักยิ่งของเขาไปอีก  เขามีอายุเพียง  10 ขวบ เท่านั้นต้องกำพร้าทั้งพ่อและแม่ไม่ทราบจะไปพึ่งใคร  จึงไปขออาศยอยู่กับพี่ชายคนโตชื่อ  โจฮันน์ คริสโตฟ  ซึ่งขณะนั้นทำงานเป็นนักออร์แกนประจำอยู่ที่โบสถ์เซนต์ไมเคิล(St. Michael)  ในเมืองโอร์ดรูฟ(Ohrdruf)  ซึ่งอยู่ห่างจกเมืองไอเซนาคประมาณ 30 ไมล์  พี่ชายได้อุปการะให้เรียนต่อที่โรงเรียนในท้องถิ่นนั้น  บาครู้สึกว่าตนมีโอกาสดีอย่างยิ่งเพราะที่บ้านของพี่ชายมีเครื่องดนตรีเกือบทุกชนิด  เขาได้ขอให้พี่ชายสอนคลาเวียร์ให้เป็นครั้งแรก  และต่อมาก็ได้เรียนออร์แกน

บาคเรียนดนตรีทั้งสองได้รวดเร็วจนเกือบจะทัดเทียมพี่ชาย  บางครั้งทำให้พี่ชายอิจฉาในความเป็นอัจฉริยะของเขา  แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดแจ้ง  เพราะกลัวน้องชายจะเก่งเกินหน้า  จึงกีดกันเสมอๆ โดยห้ามไม่ให้น้องชายเอาโน้ตเพลงสำหรับออร์แกนของนักดนตรีชั้นเยี่ยมของเยอรมันที่เขาจะเก็บสะสมเอาไว้ไปดู  ได้เก็บโน้ตเหล่านั้นใส่ตู้ใส่กุญแจอย่างแน่นหนา  ด้วยเหตุผลที่บาคมีความปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะเล่นออร์แกนจากโน้ตชิ้นเยี่ยมๆ เหล่านั้นให้ได้  เขาพยายามหาโอกาสแอบเอาโน้ตที่พี่ชายซ่อนเอาไว้ออกมาคัดลอกไว้ที่ละน้อย  ในตอนกลางคืนเดือนหงาย  เพราะเขาไม่มีตะเกียงหรือแม้แต่เทียนไขสักเล่มเดียว  บาคพยายามลอกโน้ตเพลงเหล่านั้นอยู่นานถึง  6  เดือน จึงสำเร็จ  นับว่าเขามีความอุตสาหะอย่างยอดเยี่ยมจริงๆ  วันหนึ่งพี่ชายของเขาได้เข้ามาพบในขณะที่เขากำลังเล่นคลาเวียร์  จากโน้ตที่เขาลอกไว้อย่างเพลิดเพลิน  พี่ชายเขาโกรธมาก   จึงคว้าเอาโน้ตเพลงทั้งหมดที่เขาพยายามลอกถึง 6 เดือนโยนเข้าเตาไปอย่างไม่ปราณี  บาคนั่งมองด้วยความขมขื่นและเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากเล่นดนตรีได้เก่งแล้วบาคยังสามารถร้องเพลงได้ไพเราะมากจนพวกเด็กๆนักร้องรุ่นเดียวกันสู้ไม่ได้  เมื่อบาคอายุได้ 15 ปี  ฐานะทางครอบครัวของพี่ชายขาดแคลนถึงขั้นทรุดนัก  จึงกระทบกระเทือนถึงการเล่าเรียนของบาคประจวบกับในเวลานั้น มีครูสอนดนตรีคนหนึ่งมาจากโบสถ์เซนต์ไมเคิล  แห่งเมือง Luneburg  มาพบบาคเข้าและเห็นว่าเป็นเด็กที่มีน้ำเสียงไพเราะและมีแววในทางดนตรีอยู่มาก  จึงชักชวนบาคเป็นนักร้องหมู่ประจำโบสถ์เซนต์ไมเคิล  บาคจึงตัดสินในไปเผชิญชีวิตด้วยตนเอง

บาคได้เดินทางติดตามครูดนตรีไปยังเมือง  Luneburg  ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโอร์ดรูฟขึ้นไปทางเหนือประมาณ   200  ไมล์  และได้เป็นนักรองประจำโบสถ์เซนต์ไมเคิลในปี พ.ศ. 2244  บาคอายุได้  16 ปี  เสียงที่เคยแหลมและไพเราะกลายเป็นเสียงแตกห้าว  ร้องเพลงไม่ได้  จึงทำหน้าที่เป็นนักไวโอลินและวิโอลาแทนการขับร้อง  ขณะที่บาคประจำอยู่ที่โบสถ์เซนต์ไมเคิลนี้  เขาได้เทคนิคการเล่นออร์แกนและหัดแต่งเพลงไปด้วย  เขาอยู่ที่นี่ 3 ปี  มีโอกาสดูตัวอย่างการเล่นออร์แกนของ  Georg  Bohm  นักแต่งเพลงและนักออร์แกนชั้นเยี่ยมแห่งโบสถ์เซนต์จอห์น(St.John)  ครั้งหนึ่งในปีเดียวกันนี้  บาคได้ทราบข่าวว่าที่เมืองแฮมเบอร์ก  มีนักออร์แกนที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งชื่อ  แจน  อดัมส์  ไรน์แคน  ซึ่งขณะนั้นอายุ 78 ปี  กำลังเปิดการแสดงการเล่นออร์แกนอยู่บาคตั้งใจจะไปฟังให้ได้  พอถึงวันหยุดเรียนเขาจึงเดินทางไปยังเมืองแฮมเบอร์กซึ่งอยู่ไกลถึง  30  ไมล์  เมื่อได้เห็นและได้ฟังการเล่นออร์แกนของนักดนตรีผู้เฒ่าแล้ว  มีความพอใจเป็นอย่างยิ่ง  เขาได้เดินทางไปฟังอีกหลายครั้ง  แต่ละครั้งเดินทางโดยเท้าทั้งสิ้น

เมื่อบาคอายุได้  18  ปี้  เขาได้ลาออกจากโบสถ์เซนต์ไมเคิล  แล้วเดินทางไปเมืองไวมาร์  เพื่อสมัครเป็นนักไวโอลินและออร์แกนประจำวงดนตรีของดยุค Johann  Ernst  ทำงานอยู่ที่เมืองนี้ไม่นานก็ได้ลาออกเกดินทางไปยังเมืองอาร์น สตัดท์  ที่เมืองนี้มีโบสถ์สร้างเสร็จใหม่ๆ  ชื่อเซนต์โบนิเฟซ (St.  Boniface)  กำลังต้องการนักออร์แกนอยู่  บาคจึงสมัครเป็นนักออร์แกนประจำโบสถ์  ขณะที่ทำงานอยู่ทีโบสถ์แห่งนี้ บาคได้แต่งเพลงสำเร็จเพลงหนึ่งได้แก่เพลง  Easter  Cantata  ต่อมาในปี  พ.ศ. 2248  เขาได้รู้จักกับหญิงสาวสวยตระกูลเดียวกัน  คนหนึ่งชื่อมาเรีย  บาร์บารา (Maria  Barbara)  ได้สนิทสนมรักใคร่กันถึงกับตกลงว่าจะแต่งงานกัน ปีต่อมานักออร์แกนประจำโบสถ์เซนต์แบสีอุส( St.  Blasius)  แห่ง เมืองมึลเฮาเซนได้ว่างลงเนื่องจากนักออร์แกนคนเก่าถึงแก่กรรมบาคได้ทราบข่าว นี้จึงคิดจะไปอยู่ที่นั่นเพราะบาคเคยมีเรื่องถูกตำหนิจากผู้บังคับบัญชา  เนื่องจากลาหยุดงานไปฟังการเล่นออร์แกนของนักออร์แกนที่เชี่ยวชาญคนหนึ่ง แห่งเมืองลือเบค  มีกำหนดลา  1  เดือน  แต่บาคมัวเพลิดเพลินกับการฟังเกือบ  4  เดือน

ในที่สุดบาคก็ได้ลาออกจากที่ทำงานเดินทางไปทำงานในตำแหน่งนักออร์แกนประจำโบสถ์เซนต์แบลสิอุส และได้แต่งงานกับมาเรีย  บาร์บารา ในปี พ.ศ.  2250  ซึ่งขณะนั้นบาคมีอายุ 22 ปี  เจ้าสายของเขาอายุ 23 ปี   ทำงานอยู่ที่โบสถ์เซนต์แบลซิอุสได้เพียงปีเดียวก็ลาออก  แล้วย้ายไปอยู่ที่เมืองไวร์มาอีกครั้งหนึ่ง  คราวนี้เขาได้รับตำแหน่งนักออร์แกนประจำวงดนตรีของดยุค  Wilhelm  Ernst  ในตอนนี้บาคมีชื่อเสียงในการเล่นออร์แกนโด่งดังมาก   ปีต่อมาบาคมีลูกคนแรกเป็นหญิง  หลังจากได้ลูกสาวคนแรกแล้วเขาได้แต่งเพลงออร์แกนขึ้นอีกหลายเพลง  ปี พ.ศ. 2253  มีลูกคนที่ 2 เป็นชาย  บาคได้เดินทางไปยังเมืองต่างๆ เสมอ  เพื่อไปติดตั้งออร์แกนใหม่ให้กับโบสถ์ประจำเมืองนั้นๆ  ปี พ.ศ. 2257  บาคมีบุตรคนที่  3 เป็นชาย ชื่อ  คาร์ล  ฟิลิปป์  เอมานูเอล  และใน ปีพ.ศ. 2259 บาคมีบุตรคนที่ 4  และในปีนี้ได้แต่งเพลง  Cantata  ขึ้นเพลงหนึ่งชื่อ  Was  mir  behagt

บาคทำงานอยู่ที่เมืองไวร์มาเป็นเวลานานถึง 9 ปี  เริ่มตั้งแต่เล่นออร์แกนจนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าวงดนตรี  ต่อมาไม่นาน  ตำแหน่งผู้อำนวยการดนตรีก็ว่างลงเนื่องจากคนเก่าถึงแก่กรรม  บาคก็หวังจะได้ตำแหน่งนี้  แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้  เมื่อเขาผิดหวังเขาก็ตกลงใจที่จะไปเป็นผู้อำนวยการแก่ราชสำนักของเจ้าชายเลโอโปลด์ (Leopold)  ตามที่ได้ทาบทามมา

ที่ราชสำนักของเจ้าชายเลโอโปลด์บาคควบคุมวงดนตรี  ซึ่งมีนักดนตรีทั้งหมด 18 คน  ขณะที่ประจำอยู่ที่นี่เขาได้แต่งเพลง Cantata  ขึ้นหลายเพลง  ในปี พ.ศ. 2262  บาคได้เดินทางไปอังกฤษ  เยอรมันนีและแวะไปเยี่ยมบ้านเกิดของตนเองที่เมืองไอร์ซนาค  ในระยะนี้ได้แต่งเพลงสำหรับคลาเวียร์และแชมเบอร์มิวสิคหลายเพลง

ในปี พ.ศ. 2263  บาคได้ติดตามเจ้าชายเลโอโปลด์ไปยังเมืองคาร์ลสบาค  เมื่อเดินทางกลับถึงเมืองคูเธน  ก็ได้ทราบข่าวร้ายภรรยาของตนได้ถึงแก่กรรมเสียแล้ว บาคเสียใจมาก  เขาต้องประสบกับความยุ่งยากและลำบากอย่างยิ่ง  เพราะต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกต่อไปแต่เพียงผู้เดียว  ชีวิตของเขาต้องระเหเร่ร่อนไปเรื่อยๆ  ที่ไหนถูกใจก็อยู่ได้นาน  ที่ไหนไม่ถูกใจก็เดินทางต่อไป  ขณะที่เขาอยู่กับเจ้าชายเลโอโปลด์เขารู้สึกสะดวกสบายกว่าแห่งอื่น  บาคได้สอนดนตรีให้แก่เจ้าชายทุกอย่างตามที่ต้องการ  เจ้าชายจึงรักใคร่นับถือเป็นพิเศษ  อย่างไรก็ตาม  บาคก็อยู่กับเจ้าชายได้ไม่นานนัก  เนื่องจากชายาของพระองค์ไม่ชอบดนตรี  แสดงความไม่พอใจบาค  บาคจึงหางานใหม่ เขาได้ติดต่อไปยังโบสถ์เซนต์จาคอป(St. Jacob)  ที่เมืองแฮมเบอร์ก  เพื่อที่จะสมัครเป็นนักออร์แกนแต่ก็ผิดหวัง เขาจึงจำใจอยู่กับเจ้าชายต่อไป  ปีต่อมาเขาได้แต่งเพลง Concerto  สำเร็จ 6 เพลง  มีชื่อว่า  “Brandenburg  Concerto”   นอจากนั้นมีเพลง  Suites,  Sonata  หลายเพลง  เพลงสำหรับคลาเวียร์อีกหลายเพลง  นอกจากแต่งเพลงแล้วบาคยังได้เขียนหนังสือแนวทางสำหรับการเรียนดนตรีไว้ 2 เรื่องมี  Inventions   และ    The  Little  Note  book  of  Anna  Magdalena  สำหรับให้ลูก ๆ ได้ศึกษาดนตรี ทั้งภาคทฤษฎีและแบบฝึกหัดต่างๆ

หลังจากภรรยาตายไปประมาณ 1 ปี  เขาก็พบกับรักใหม่กับแอนนา  แมกดาเลนา  วิลเคน  และได้แต่งงานกันในเดือนธันวาคม  พ.ศ. 2264  ซึ่งขณะน้นเจ้าสาวของเขาอายุเพียง 20 ปี และตัวเขาเองอายุ 36 ปี  บาคได้สอนแอนนาเล่นคลาเวียร์จนกระทั่งสามารถเล่นได้เป็นอย่างดี  นอกจากเล่นคลาเวียร์แล้วยังสามารถร้องเพลงได้อีกด้วยแอนนาช่วยเหลือบาคได้อีกด้วย  แอนนาช่วยเหลือบาคได้มาก เช่นช่วยลอกโน้ตเพลงที่แต่งไว้ได้อย่างเรียบร้อย

ในปี พ.ศ. 2265  หัวหน้านักร้องประจำโบสถ์เซนต์ โธมัส (St.Thomas)  ได้ถึงแก่กรรมตำแหน่งจึงว่างลง มีนักดนตรีที่มีชื่อเสียงไปสมัครหลายคน  บาคก็ได้สมัครด้วย ในระหว่างที่บาคเดินทางไปสมัคร  เขาได้เปิดการแสดงเพลงแคนตาตาที่เขาแต่งเองอีกด้วย  จากนั้นก็กลับเมืองคเธนอีก  เพื่อจะฟังผลการสมัครงานในไม่ช้าคณะกรรมการก็ตัดสิน ให้บาคเข้ารับตำแน่งดังกล่าว   เมื่อบาคทราบข่าวก็ได้ลาออกจากสำนักของเจ้าชายเลโอโปลด์เดินทางไปยังเมืองไลพ์ซิก เพื่อรับตำแหน่งดังกล่าว

ในปี พ.ศ. 2283  นัยตาของบาคเริ่มพร่ามัวลง  บาครู้สึกลำบากใจเกี่ยวกับสายตาอยู่มาก  อย่างไรก็ตามบาคก็ได้อุตสาห์แต่งเพลงต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้งและต่อมาในปี พ.ศ. 2290  เขาได้เดินทางร่วมกับวิลเฮล์ม  ฟรายด์มันด์  ลูกชายคนโตเพื่อไปร่วมในพิธีแต่งงานของ คาร์ล  ฟิลิปป์  เอมานูเอล  ลูกชายคนที่ 2 ซึ่งกำลังมีชื่อเสียงอยู่ในสำนักของพระเจ้าเฟรเดริคมหาราชดังกล่าวแล้ว  พระเจ้าเฟเดริคมหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ที่สนพระทัยดนตรี  พระองค์ทรงโปรดขลุ่ย(Flute)  มากที่สุดวันหนึ่งขณะที่พระองค์กำลังทรงขลุ่ยร่วมกับนักดนตรีของพระองค์  ได้ทราบข่าวว่าบาคได้เดินทางมาเยี่ยมบุตรชาย พระองค์ทรงตื่นเต้นและออกมาต้อนรับด้วยพระองค์เอง

หลังจากเสร็จธุระที่ปอตสดัมแล้ว    บาคก็เดินทางกลับเมืองไลพ์ซิก  เขาได้เริ่มแต่งเพลงอีกเพลงหนึ่งตามแนวของพระเจ้าเฟเดริคมหาราชคือเพลง  “Musikalisches  Opfer”  เมื่อแต่งเสร็จก็ส่งไปถวายพระเจ้าเฟเดริคมหาราช

ปี พ.ศ. 2291  บาคได้เริ่มแต่งเพลง  ใหม่อีกเพลง คือ “Die  Kunst  der  Fugue”   หลังจากนั้นสุขภาพก็เสื่อมโทรมลงมาก  ตาที่เคยพร่ามัวอยู่แล้วก็เริ่มบอดไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก  เขากลายเป็นคนพิการ  โบสถ์เซนต์โธมัสก็ปลดเขาออกจากงาน  บาคได้รับการทรมานจากการเจ็บปวดลูกนัยน์ตาจนซูบผอม  อาการป่วยก็ทรุดหนักลงเรื่อยๆ แม้เขากำลังเจ็บป่วยอยู่ก็ตาม  เขาก็ยังเป็นห่วงงานในด้านเพลงที่เขาแต่งค้างไว้  จึงได้พยายามที่จะแต่งต่อให้เสร็จ  เขาพยายามแต่งต่อโดยวิธีให้คนอื่นจดโน้ตเพลงตามคำบอก  เขาแต่งโดยวิธีนี้ต่อไปจนจบ  2 เพลง  คือ เพลง When  We  are  in  Deepest  Need  และเพลง  Before  Toy  Throne  I  come

บาคได้ให้หมอผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษทำการผ่าตัดลูกตาหลายหน  แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ  กลับบอดสนิทยิ่งขึ้น  หลังจากได้ทำการผ่าตัดลูกตาไม่กี่วัน  อาการป่วยของบาคก็เพียบหนักลงทุกทีจนกระทั่งค่ำวันที่ 28  กรกฎาคม พ.ศ. 2293  รวมอายุได้ 65 ปี  บาคก็สิ้นใจท่ามกลางความอาลัยของบรรดาลูกๆ  ซึ่งมีทั้งหมดถึง 20 คน (เกิดจากภรรยาเก่า 7 คน ภรรยาใหม่ 13 คน)  ภรรยา  ลูกศิษย์และมิตรสหายทั้งหลาย  ศพของเขาได้ทำพิธีฝังไว้ใกล้ๆ กับโบสถ์เซนต์จอห์น  ณ  เมืองไลพ์ซิก

ต่อไปนี้เป็นผลงานบางส่วนของ Johann Sebastian Bach ที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง โดยมี BWV หรือ Bach-Werke- Verzeichnis (หมายเลขงานของบาค) เป็นหลัก

1.Cantata (เสียงร้องที่มีเพลงมาประกอบ) BWV 1-224
ที่ดังสุด ๆ คือ หมายเลข 147 ชื่อว่า Jesus Joy of men’s desiring เหมาะสำหรับเพลงในช่วงคริสตมาสอย่างมาก

2. Passion (เพลงเล่าเรื่องตอนที่พระเยซูกำลังจะถูกตรึงกางเขน) ที่โด่ง ดังคือ BWV 244 St. Matthew Passion และ BWV 245 St. John Passion

3.Chorales (เพลงสวดในโบสถ์) BWV 250-438

4. Preludes and Fugues, Toccatas and Fugues, and Fantasies for organ BWV 531–591

5.Well-Tempered Clavier BWV 846-893

6. Goldberg Variation BWV 988

7. Violin Concerto BWV 1041-1045

8. Brandenburg Concerto BWV 1046-10451

9.Air on a G string จาก Orchestra suite no.3 BWV 1069

10.Note book for Anna Magdalena Bach Minuet in G (BWV ahn 114)  

 

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอบคุณ : https://mrvop.wordpress.com/2010/03/21/bach/

                                              http://www.sema.go.th

 

guest

Post : 2015-03-20 21:18:45.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  วันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ( 20 มีนาคม )

 

วันที่ 20 มีนาคมของทุกๆปี หลายคนคงอาจคิดว่าไม่ใช่วันสำคัญอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้ววันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาติโรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์จึงนำความรู้มาฝากกัน 

 

วันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ( 20 มีนาคม )

 

วันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2536 ให้ทุกวันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันอสม.แห่งชาติ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจและส่งเสริมให้อสม.ได้รวมพลังสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประขาชนชาวไทย  และได้ดำเนินการจัดงานดังกล่าวครั้งแรกตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมา

          ทั้งนี้เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณ สร้างขวัญและกำลังใจแก่อาสาสมัครสาธารณสุขที่ทำงานด้วยความเสียสละ โดยมีการมอบรางวัลแก่อาสาสมัครสาธารณสุขดีเด่น และหมู่บ้านสาธารณสุขมูลฐานดีเด่น ตลอดจนมีการขอพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก่อาสาสมัคร สาธารณสุขดีเด่น ระดับชาติอีกด้วย

          "อาสาสมัครสาธารณสุข" หมายถึง บุคคลที่สมัครใจและเสียสละ ทำงานเพื่อสังคมโดยส่วนรวม ในด้านการพัฒนาสุขภาพ ตามแนวนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข และไม่ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือน มีชื่อย่อว่า "อสม." จำแนกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
          1. อาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่ภูมิภาค 
หมายถึง อาสาสมัครสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ส่วนภูมิภาค ทั้งในเขตชนบทและเขตเมือง รวมถึงเมืองพัทยา เรียกว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 
          2. อาสาสมัครสาธารณสุข ในเขตกรุงเทพมหานคร 
หมายถึง อาสาสมัครสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เรียกว่า อาสาสมัครกรุงเทพมหานคร (อสส.) 
          3. อาสาสมัครสาธารณสุข ของหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ที่ผ่านการอบรมตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (อสม.กฟผ.) และอาสาสมัครสาธารณสุขขนส่งมวลชน (อสม.ขสมก) ฯลฯ 
          4. อาสาสมัครสาธารณสุขกิตติมศักดิ์ หมายถึง บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์หรือสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุข


โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน

          กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มโครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในปี พ.ศ.2520 ในช่วงแรกเป็นไปในลักษณะโครงการทดลองใน 20 จังหวัด โดยดำเนินการทดลองในทุกอำเภอ อำเภอละ 1 ตำบล

วัตถุประสงค์ :
             1. เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพกันเองด้วยวิธีที่ง่ายประหยัด และทั่วถึง
             2. เพื่อช่วยบรรเทาภาวะขาดแคลนบุคลากรทางด้านสาธารณสุขในชนบท
             3. เพื่อแก้ไขปัญหารักษาพยาบาลหรือดูแลรักษาสุขภาพที่ไม่ถูกต้องของประชาชน 
             ผู้ที่จะเข้ามาเป็นอาสาสมัครในการดูแลสุขภาพอนามัยของเพื่อนบ้านโดยมิหวังผลตอบแทนใดๆ เรียกว่า อาสาสมัคร

คุณสมบัติ : 
             1. มีความสมัครใจที่จะทำงานเพื่อส่วนรวมด้วยความเสียสละ และมีเวลาพอที่จะช่วยเหลือชุมชน
             2. มีความรู้อ่านออกเขียนได้
             3. เป็นผู้ที่ชาวบ้านไว้วางใจ
             4. มีที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพในหมู่บ้านนั้น ๆ
             5. มีอาชีพแน่นอนและมีรายได้เลี้ยงตนเอง
             6. ตั้งบ้านเรือนอยู่ในสถานที่ที่ประชาชนไปติดต่อได้ง่าย
             7. ไม่จำกัดเพศ และไม่จำกัดอายุ
             8. ไม่ควรเป็นข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือแพทย์ประจำตำบล

       


โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอบคุณข้อมูลจาก : http://guru.sanook.com/2361/

 

guest

Post : 2015-02-14 23:45:35.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  Valentine Day

วันนี้เป็นวันที่ 14  กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งทุกๆคนย่อมรู้ดีว่าเป็นวันอะไร แน่นอนวันนี้เป็นวันมอบความสุขให้ความรัก โรงพิมพ์ท็อปจึงนำบทความเกี่ยวกับวันนี้มาให้อ่านกันนะ และขอให้ทุกๆท่านมีความสุขมากๆตลอดทั้งปีนี้

กุมภาพันธ์เป็นเดือนที่อบอวลไปด้วยความสุขการแสดงถึงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่ เราปรารถนาดีและอยากให้เขามีความสุข และเป็นที่รับรู้กันทั่วโลกว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรัก หรือ Valentine's Day และวันนี้ยังมีคิวปิด หรือกามเทพ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันวาเลนไทน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คิวปิดเป็นบุตรของวีนัสและมาร์ส แต่ ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของ คิวปิดที่มนุษย์โลกปัจจุบันได้รู้จักก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักใจคน ปัจจุบัน คิวปิดและธนูของเขากลายมาเป็น เครื่องหมายแห่งความรักที่เป็นที่รู้จัก มากที่สุด และความรักของเขามีกล่าวถึงบ่อยในภาพของ การยิงศรรัก ระหว่าง หัวใจสองดวงให้รักกัน เรียกกันว่า ศรรักคิวปิด เราจึงมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยว กับประวัติความเป็นมาและความสำคัญ ของวันนี้กันค่ะ

ประวัติวันวาเลนไทน์ (Valentine's Day)

เทศกาลวาเลนไทน์ (Valentine's Dayเริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง

ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง

และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนาดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระหว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็นความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า "From Your Valentine" 

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะเป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคงแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความกล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมาย ของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส

ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลวันแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ (Valentine's Day) สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

วันวาเลนไทน์ หรือ Valentine's Day ในแต่ละประเทศจะมีประเพณีหรือการ ปฏิบัติที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมแล้ว จะมีการเฉลิมฉลองและเป็นการแสดงถึง ความรักที่มีระหว่างกัน ต่อมาเมื่อความ เจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางด้าน การพิมพ์เข้ามาเกี่ยวข้องมีการพิมพ์บัตร อวยพรโดยเข้ามาแทนที่จดหมายที่ เขียนด้วยลายมือ และปัจจุบันก็มีการส่ง บัตรอวยพรทางออนไลน์เพื่อแสดงถึงความ ก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วย ให้คนที่ต้องการแสดงความรักความห่วงใย ถึงคนที่รักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ประวัติวันวาเลนไทน์ นี้ เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา จนถึงปัจจุบัน เท่าที่ค้นหามาได้นี้เป็นเพียง หนึ่งในหลายๆเรื่องเท่านั้น แต่ไม่ว่าประวัติ ที่แท้จริง จะเป็นอย่างไรก็ตาม ใน ปัจจุบัน นี้เราได้ถือว่าวันวาเลนไทน์ เป็น วันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว คุณสามารถส่งดอกไม้ ขนมและ การ์ด เพื่อบอกความนัยให้แก่คนพิเศษ ของคุณ วันนี้จะเป็นวันที่เราส่งความรู้สึก ดีๆให้แก่กัน

 

โรงพิมพ์ท็อปลมัลติพริ้นทส์ขอบคุณที่มา : http://campus.sanook.com/931822/

guest

Post : 2015-02-11 10:32:36.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  วันอาสารักษาดินแดน

 

กองอาสารักษาดินแดน (อส.) เป็นกำลังกึ่งทหาร เพื่อสำรองไว้ช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติ เป็นกำลังสำรองของฝ่ายทหารเมื่อมีการร้องขอทั้งในยามปกติและยามศึกสงคราม โดยการรับสมัครราษฎรที่สมัครใจเข้ามาเป็นสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (สมาชิก อส.) มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการและผู้บัญชาการโดยตำแหน่ง

 

เครื่องหมายราชการของกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน (ปัจจุบันคือ สำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน) กระทรวงมหาดไทย

 

สมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้มีแนวคิดในการจัดตั้งหน่วยพลเรือนอาสา โดยได้ออกพระราชบัญญัติกำหนดหน้าที่คนไทยในเวลารบ พ.ศ. 2481 และพระราชบัญญัติให้อำนาจในการเตรียมการป้องกันประเทศ พ.ศ. 2484 เพื่อให้การฝึกอบรมคนไทยให้รู้จักหน้าที่ในการป้องกันรักษาประเทศชาติในยามศึกสงคราม โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการ

 

ในปี พ.ศ. 2497 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497 เป็นผลให้เกิดกิจการด้านพลเรือนอาสา มีรูปแบบและระบบการจัดการที่ชัดเจนมากขึ้น จึงถือเอาวันที่ 10 กุมภาพันธ์เป็นวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอบคุณ : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99

 

guest

Post : 2015-02-07 09:02:45.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การพิมพ์ในช่วงประวัติศาสตร์ยุคแรก

 

การพิมพ์ในช่วงประวัติศาสตร์ยุคแรก

 

 

 ในสมัยอารยธรรมประวัติศาสตร์ยุคแรก ๆ กลุ่มเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ได้เรียนรู้การนำของแข็งกดลงบนดินทำให้เกิดเป็นลวดลายตัวอักษร เรียกว่า อักษรลิ่ม (Cuneiform) โดยมีอายุประมาณ 5,000 ปีก่อนคริสตกาล (5,000 B.C.)


    ต่อมาประมาณ 255 ปีก่อนคริสตกาล ในแถบภูมิภาคเอเชียตอนกลางและจีน ได้รู้จักการแกะสลักดวงตราบนแผ่นหิน กระดูกสัตว์และงาช้าง เพื่อใช้ประทับลงบนดินเหนียวหรือบนขี้ผึ้งซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เป็นต้นตอของแม่พิมพ์ Letter Press ซึ่งจะเห็นได้จากในพงศาวดารจีนโบราณที่องค์จักรพรรดิจะมีตราหยกเป็นตราประจำแผ่นดิน

 

 

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์

guest

Post : 2015-01-29 20:24:26.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ต้นกำเนิดการพิมพ์

 

การพิมพ์ก่อนยุคประวัติศาสตร์

 

      การพิมพ์ของโลกนั้น เริ่มตั้งแต่ ภาพพิมพ์ โดยเริ่มมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ คือ เมื่อ 200,000ปีก่อนคริสตกาล จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เมื่อมนุษย์โครมันยองได้พบภาพพิมพ์รูปมือบนผนังในถ้ำลาสคัวกซ์ (Lascaux) ที่ประเทศฝรั่งเศส และ บนผนังถ้ำอัลตามิรา (Altamira) ประเทศสเปน  นอกจากการปรากฏผลงานด้านจิตรกรรมที่มีคุณค่าด้านความงามของมนุษยชาติ ในช่วงประมาณ 17,000 - 12,000 ปีที่ผ่านมาแล้ว ยังมีการปรากฏของผลงานแกะสลักหิน แกะสลักผนังถ้ำเป็นรูปสัตว์ลายเส้น ซึ่งการแกะสลักภาพลายเส้นบนผนังถ้ำเช่นนี้นั้น อาจนับได้ว่าเป็นหลักฐานที่สำคัญในการแกะแบบภาพพิมพ์ของมนุษย์ในยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรกก็ได้ และนอกเหนือจากนั้น ยังมีการปรากฏการเริ่มต้นพิมพ์ภาพผ่านฉากพิมพ์ (Stensil) อีกด้วย โดยวิธีการคือการใช้มือวางทาบลงบนผนังถ้ำ แล้วพ่นหรือเป่าสีลงบนฝ่ามือ ซึ่งจะก่อให้เกิดเป็นภาพขึ้นมาและวิธีนี้ยังนับได้ว่าเป็นวิธีการพิมพ์แบบง่ายอีกหนึ่งวิธีอีกด้วย

 

 

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์

 

 

guest

Post : 2015-01-25 02:23:05.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  วันกองทัพบก

 วันที่ 25 มกราคมของทุกปีจะเป็นวันกองทัพบก โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ จึงนำประวัติแบบย่อของวันกองทัพบกมาฝากกัน

วันกองทัพบก

กองทัพบกได้เสนอวันที่ 25 กรกฎาคมเป็นวันกองทัพบกในตอนนั้น เนื่องจากวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2484 เป็นวันที่กองทัพไทยได้รับชัยชนะกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส 

โดยต่อมาในปี พ.ศ.2594 สภากองทัพบกได้พิจารณาว่า ควรเลือกวันเกียรติประวัติในทางตำนานที่สำคัญของชาติเป็นวันกองทัพบก และทางกองทัพบกได้กำหนดให้วันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2135 ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีชนะสมเด็จพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี ให้เป็นวันระลึกสำหรับกองทัพบก  ต่อมา สำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้ประกาศให้วันที่ 25 มกราคมของทุกปีเป็นวันที่ระลึกของกองทัพบก

 

 

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.rta.mi.th/history/jan_25.htm

guest

Post : 2015-01-17 19:38:13.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช

 วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช วันที่ 17 มกราคมของทุกปี

พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วง กรุงสุโขทัย ทรงทำนุบำรุงปกครองบ้านเมืองด้วยพระเมตตาธรรมต่อไพร่ฟ้า อาณา ประชาราษฎร์ทรงสร้างสรรค์มรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมที่สำคัญๆ ของชาติไว้อย่างอเนกอนันต์มรดกของชาติที่สำคัญที่สุดก็คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้ทรงคิดประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นเมื่อประมาณปีพุทธศักราช 1826 อันเป็นต้นกำเนิดของอักษรไทยที่ใช้กันในทุกวันนี้

          นอกจากนี้พระองค์ท่านยังได้ทรงรวบรวมแคว้นต่างๆ เข้าด้วยกันจนเป็นราชอาณาจักรไทยที่กว้างใหญ่ไพศาลกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา พระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์แก่ประโยชน์แก่ประเทศชาติของพระองค์ท่าน ล้วนแต่เป็นการ วางรากฐาน แห่งความเจริญไว้ให้แก่ประเทศชาติและปวงชนชาวไทยทุกคนสืบทอดต่อกันมาเป็น ระยะ เวลายาวนาน มากว่า 718 ปี

          ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ดังที่ได้ประจักษ์รัฐบาลและปวงชนชาวไทย จึงได้พร้อมใจกันถวายพระราชสมัญญาแด่พระองค์ท่านเป็น "มหาราช" พระองค์แรกของชาติไทย และได้ร่วมกันสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ท่านขึ้นไว้เพื่อสักการะ ณ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ จังหวัดสุโขทัย โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีอัญเชิญดวงพระวิญญาณของพ่อขุนรามคำแหง มหาราช จากศาลพระแม่ย่าไปสถิต ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ฯ แล้วทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เมื่อวันที่17 พฤศจิกายน พ.ศ.2528 โดยจังหวัดสุโขทัยได้จัดให้มีพิธีถวายบังคมมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 เป็นต้นมา นับแต่นั้นมาประมาณสามปีคือในเดือนธันวาคม พ.ศ.2531 สำนัก งานสภาจังหวัดสุโขทัย ได้มีหนังสือเสนอต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ขอให้มีการกำหนด "วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช" ขึ้น โดยถือเอา วันที่ 17 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงประกอบพระราชพิธีและทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เป็น "วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช"

          ต่อมาคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย และจัดเอกสารทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ได้พิจารณาทบทวนเรื่องการกำหนดวันสำคัญทางประวัติศาสตร์โดยคำนึงถึงความ เหมาะสม และความถูกต้องตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้เสนอความคิดเห็นว่า ควรจะเป็นเหตุผลที่ว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพบหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2376 เมื่อได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในคราวประชุม เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2532 แล้ว ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติตามที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เสนอ ในการกำหนดวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ ซึ่งคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ และคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยและจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์และ โบราณคดี ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยแล้ว ดังนั้นวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2533 จึงเป็น "วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช" วันสำคัญทางประวัติศาสตร์วันหนึ่งซึ่งถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการเป็นครั้ง แรก

          วันที่ 17 มกราคมของทุกปี จึง ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ คือ วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จังหวัดสุโขทัยได้จัดให้มี งานวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นประจำทุกปี เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่มึต่อประชาชนชาว ไทย กิจกรรมในงานประกอบด้วย พิธีบวงสรวงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ขบวนแห่สักการะพ่อขุนรามคำแหงมหาราชของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รัฐวิสาหกิจ และประชาชน มีการแสดงศิลปะพื้นบ้าน และพิธีสวดสรภัญญะ ฯลฯ สถานที่จัดงานคือ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม (เฉพาะการแสดงช้างศึก และศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว)

          มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ได้อัญเชิญพระนามพ่อขุนรามคำแหงมหาราช องค์มหาบูรพกษัตริย์ของประเทศไทยผู้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์ แก่ประเทศชาติอย่างยิ่งใหญ่ไพศาลมาแล้วในอดีต มาตั้งเป็นชื่อของมหาวิทยาลัย จัดเป็นมหาวิทยาลัยแห่งที่ 10 ที่ได้จัดให้มีการศึกษามาตั้งแต่ปีการศึกษา 2514 ในระยะแรกได้ใช้อาคารสถานที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งชั่วคราว

          ต่อมาได้รับอนุมัติจากรัฐบาลให้ใช้สถานที่นี้เป็นที่ตั้งถาวรได้ตลอดไปใน พ.ศ.2515 นับแต่ได้สถานที่เป็นที่ตั้งถาวรแล้ว มหาวิทยาลัยได้เร่งดำเนินการก่อสร้างอาคารและปรับปรุงสถานที่ให้ทันกับการ เปิดสอนของแต่ละปีมาโดยลำดับ ถาวรวัตถุสิ่งแรกที่มหาวิทยาลัยเห็นว่าจำเป็นจะต้องก่อสร้างก่อน ก็คือที่ประดิษฐานพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ซึ่งมหาวิทยาลัยได้อัญเชิญมาเป็นเครื่องหมายและนามของมหาวิทยาลัย นับจากวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระดำเนินมาทรงประกอบพิธี เปิดพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2518 แล้ว มหาวิทยาลัยได้กำหนดให้วันที่ 26 พฤศจิกายน เป็นวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่มหาวิทยาลัย โดยได้จัดให้มีพิธีบวงสรวงและกระทำพิธีสักการะพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหง มหาราช

 

          ต่อมาในปี พ.ศ.2533 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้วันที่ 17 มกราคม ของทุกปี เป็น "วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช" มหาวิทยาลัยจึงได้จัดให้มีพิธีบวงสรวง และกระทำพิธีสักการะพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราชซึ่งประดิษฐาน ณ บริเวณลานพ่อขุนซึ่งเป็นศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยทุกปีเสมอมา

 

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอขอบคุณที่มา http://guru.sanook.com/6018/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A/

처음 이전 1 | 2 | 3 | 4 다음 끝

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ รับผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิด ทุกประเภทในราคาย่อมเยาว์ บริการถูกใจและรวดเร็ว สิ่งพิมพ์คุณภาพดี ส่งสินค้าตรงเวลา