วันที่ 16 มกราคม ของทุกๆปี ศิษย์หลายๆคนคงได้เห็นความสำคัญของวันนี้เป็นอย่างมากเนื่องจากวันนี้เป็นวันครูแห่งชาติ ทางโรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์จึงขอนำบทความวันครูมาฝากกัน

วันครูแห่งชาติ

ครู คือ ผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ หรือ ผู้ที่สั่งสอน ครูไม่ได้หมายถึงคุณครูที่อยู่ในโรงเรียนมีอาชีพเป็นครูเท่านั้น พ่อและแม่ยังถือว่าเป็นครูคนแรกของเราอีกด้วย เพราะท่านได้เลี้ยงดูเีรา สั่งสอนเรามาตั้งแต่เล็กจนเติบโต ครูสอนเราให้มีความรู้ นับว่าเป็นผู้ให้ชีวิตและความรัก ดังนั้นครูจึงนับว่าเป็นปูชนียบุคคลสำคัญอย่างมากคนหนึ่ง

ประวัติความเป็นมาของวันครู

ประเทศไทยมีการจัดให้มีวันครูขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 มีการสืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ.2488 โดยมีการระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภา สภานี้มีหน้าที่เรื่องของสถาบันวิชาชีพครูและให้คุณครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา อีกทั้งยังมีหน้าที่ให้ความเห็นทางนโยบายการศึกษา ควบคุมวินัยและจรรยาของครู รักษาผลประโยชน์ สงเสริมฐานะครู

คุรุสภาจะมีการจัดประชุมสามัญประจำปีในทุกๆปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูทั่วประเทศได้ชี้แจงผลงานในปีที่ผ่านมา และถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และต่อมาใช้หอประชุมคุรุสภา

เมื่อปี พ.ศ.2499 จอมพล ป.พิบูล สงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติศักดิ์ ได้กล่าวในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปีว่า

"ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่า วันครู ควรมีสักวันหนนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อวันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง"

จากแนวคิดนี้และความคิดเห็นของครูที่เรียกร้องให้มีวันครูเพื่อนรำลึกถึงความสำคัญของแม่พิมพ์ของชาติ จึงมีการเสนอคณะกรรมการอำนวยการ โดนใช้หลักการว่า  จะได้ส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน

ดังนั้นจึงมีมติให้วันที่ 16 มกราคม ของทุกปี เป็นวันครูแห่งชาติ โดยกระทรวงศึกษาธิการได้สั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าว

คำขวัญวันครูประจำปี พ.ศ.2558

"เกียรติครูยิ่งใหญ่ น้อมใจบูชา เลิศล้ำคุณค่า ศรัทธาพระคุณ "

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอขอบคุณ : http://education.kapook.com/view106745.html

 หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่า วันที่ 13 มกราคมของทุกปี เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของประเทศไทย นั่นคือ วันการบินแห่งชาติ

ดังนั้นทางโรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์จึงขอนำเสนอบทความเกี่ยวกับ วันการบินแห่งชาตินี้

วันการบินแห่งชาติเริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ.2545 มีชาวต่างชาติได้มีการนำเอาเครื่องบินมาแสดงโดยมีชื่อว่าอองรีฟาร์มังและในปีเดียวกัน จอมพล สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ ภูวนารถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ(เสนาธิการ ทหารบก) นำความขึ้นกราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 6) ถึงความจำเป็นและความเป็นประโยชน์ของเครื่องบินไว้เพื่อป้องกันประเทศ หลังจากนั้น มีคำสั่งให้นายทหารนักบิน จำนวน 3 นาย ได้แก่ 1.นายพันโทหลวงศักดิ์ศัลยาวุธ 2.นายพันตรีหลวงอาวุธสิธกร 3.นายร้อยเอกหลวงทยานพิมาฎ ไปศึกษาวิชาการบินที่ประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างที่นายทหารนักบิรศึกษา วิชาการบินอยู่นั้น กระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งซื้อเครื่องบินจำนวน 8 ลำ หลังสำเร็จการศึกษาได้เดินทางกลับประเทศพร้อมเครื่องบินจำนวน 8 ลำที่ถูกสั่งซื้อไว้ และได้ทดลองเครื่องบินครั้งแรกในวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2456 หลังจากนั้นในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2456 (ขณะนั้นประเทศไทยนับวันที่ 1 เมษายนเป็นวันขึ้นปีใหม่จนถึงปี พ.ศ.2483) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแสดงการบินครั้งแรกของประเทศไทย โดยนายทหารสามนายที่สำเร็จการศึกษาวิชาการบินการจากประเทศฝรั่งเศสและใช้เครื่องบินที่เป็นสมบัติของชาติไทยบิน ในขณะนั้นประเทศไทยได้เริ้มจัดตั้งแผนกการบินและมีสนามบิน โรงเก็บเครื่องบินที่สนามม้าสระปทุม นี่นับเป็นการริเริ่มกิจการบินของประเทศไทย

เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวมูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ได้น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้นำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ได้เห็นความสำคัญของเหตุการณ์ดังกล่าวและได้มีมติเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2537 กำหนดให้วันที่ 13 มกราคม ของทุกปีเป็น วันการบินแห่งชาติ โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 เป็นต้นมา

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.tlcthai.com/education/history-of-thailand/4407.html

 สถานการณ์ราคาน้ำมัน 08/01/15

ราคาน้ำมันดีเซล - ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ สาเหตุจากมีอุปสงค์(demand)เพิ่มขึ้นจากเวียดนาม ถึงอย่างไรด็ตาม อุปทาน(Supply)ในภูมิภาคยังคงเพียงพอ เนื่องจาก มีการส่งออกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นจากอินเดียและไต้หวัน ซึ่งโรงกลั่นในไต้หวันกลับมาดำเนินการผลิตตามปกติ หลังปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 57

ราคาน้ำมันเบนซิน - ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ถึงอย่างไรก็ตาม อุปสงค์(Demand)ในภูมิภาคยังคงเบาบาง โดยเฉพาะจากผู้นำเข้ารายใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ในขณะที่อุปทาน(Supply)ยังคงล้นตลาด เนื่องจากผู้ค้าน้ำมันในภูมิภาคเอเชียขาดโอกาสส่งออกไปยังยุโรป และฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนได้ เนื่องจากอุปสงค์ในภูมิภาคดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำเช่นกัน

ทิศทางราคาน้ำมันดิบ - ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 47-52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าสังเกต 

- ท่าทีของกลุ่มโอเปกและการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ต่อภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดที่คอยกดดันราคาน้ำมันดิบให้อยู่ในระดับต่ำ

- ผลกระทบของราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงต่อเศรษฐกิจโลก ที่ถึงแม้ราคาที่ลดลงจะเป็นผลดีกับเศรษฐกิจโลกโดยรวมก็ตาม แต่ผู้ส่งออกน้ำมันบางประเทศ เช่น รัสเซีย ไนจีเรีย และเวเนซุเอลา อาจต้องเผชิญกับสภาวะความไม่สมดุลทางการเงิน ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

- วิกฤตการณ์เงินรูเบิลของรัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก หลังทางการรัสเซียมีมาตรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเรียกร้องให้ผู้ส่งออกรายใหญ่ขายเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อหวังให้ค่าเงินรูเบิลฟื้นตัว อย่างไรก็ดี การใช้นโยบายนี้ทำให้ธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 15 ของรัสเซียอย่าง Trust Bank ประสบปัญหาทางการเงิน ส่งผลต่อเนื่องให้ธนาคารกลางรัสเซียจำเป็นต้องนำเงินเข้าช่วยเหลือเพื่อป้องกันไม่ให้ธนาคารดังกล่าวล้มละลาย

โรงพิมพ์ท็อปลมัลติพริ้นทส์ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.bangkokbiznews.com/home/details/finance/world-update/oil-price/20150108/627437/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99-8-%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-2558.html

สวัสดีปีใหม่ 2558 ลูกค้าทุกท่านนะครับ

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ มีปฏิทินวันสำคัญ วันหยุดราชการ ประจำปี 2558 มาฝากกันนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://event.sanook.com/calendar/2558/

ในปี พ.ศ.2557 ทางโรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ได้เข้าร่วมประกวดรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นในสาขาด้านการบริหารอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม และได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นสาขาด้านการบริหารอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมประจำปี พ.ศ.2557 

 ธรรมาภิบาล หรือ Good Governance หมายถึงการบริหารกิจการ ธุรกิจ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต(Honesty ) ความเปิดเผยโปร่งใส (Transparency ) ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้(Accountability )  ความชอบธรรม ยุติธรรม ( Fairness ) ความมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ (Quality and Efficiency ) และการมีมาตรฐานคุณธรรมจริยธรรมเป็นการทั่วไป (General Ethical and Moral Standard )เป็นหลักที่มีคุณค่าและความสำคัญมาก จึงควรจะนำมาปรับใช้ในด้านธุรกิจเพื่อเป็นการนำพาให้ ธุรกิจไทย โดยรวมมีความเข้มแข็งมั่นคงและเจริญก้าวหน้าสถาพร สำหรับธุรกิจนั้น หลักธรรมาภิบาลคือหัวใจในการดำเนินธุรกิจที่มีผลต่อทุกฝ่ายให้ได้รับผลประโยชน์ที่ยุติธรรม ตั้งแต่ตัวผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกค้า รวมทั้งสังคมและประเทศชาติ

โรงพิมพ์ท็อปลมัลติพริ้นทส์ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : หนังสือรางวัลธรรมาภิบาลดีเด่นแห่งปี 2557 

 ในปัจจุบัน ภาคธุรกิจไทยประกอบด้วยวิสาหกิจทั้งสิ้น 2.8 ล้านกิจการ ในจำนวนนี้เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ( มีแรงงานไม่เกิน 200คน ) ถึง 99% ( 40% เป็นธุรกิจขนาดเล็กมาก ซึ่งอยู่นอกระบบไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย ) SMEs จึงเป็นหลักสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะ กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคของประเทศ ครอบคลุมทุกด้านของการผลิต และเป็นกิจการที่ส่วนใหญ่ยังเป็นของคนไทย และมีมูลค่าถึง 40 % ของรายได้ประชาชาติ(GDP) แต่การดำเนินธุรกิจจะให้รุ่งเรือง แข็งแรง มั่นคง และเจริญก้าวหน้า อย่างวัฒนาสถาพรได้นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับ “ความเชื่อถือ” ของลูกค้าและผู้ที่มีส่วนได้เสีย  เช่น สภาบันการเงิน ฯลฯด้วยเป็นสำคัญ ถ้าขาด “ความเชื่อถือ”ดังกล่าวเสียแล้ว การดำเนินธุรกิจจะดำรงอยู่อย่างวัฒนาสถาพรได้อย่างไร ส่วน “ความเชื่อถือ” จะสร้างได้อย่างไรนั้น คำตอบที่สั้นที่สุดก็คือต้องมี “ธรรมาภิบาล” ในการประกอบธุรกิจนั่นเอง

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอบคุณแหล่งทีมาจาก : หนังสือรางวัลธรรมาภิบาลดีเด่นแห่งปี 2557 และ www.trueplookpanya.com 

 รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น

รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นเป็นอีกหนึ่งรางวัลที่เป็นของกระทรวงอุตสาหกรรม และเช่นเดิม

เป็นรางวัลที่มีขึ้นเพื่อเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศและความภาคภูมิใจสูงสุดในความ มุ่งมั่น

ตั้งใจ และพัฒนาธุรกิจของตนเองไปสู่ระดับสากล และเพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณผู้

ประกอบการที่มีความวิริยะ อุตสาหะ ในการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่ง

แวดล้อม อีกทั้ง เพื่อเป็นแบบอย่างอันดีแก่กิจการอุตสาหกรรมอื่นๆ ตลอดจนเพื่อเป็น

ขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ประกอบการ ให้ปฏิบัติตนตามหลักธรรมาภิบาล

รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นนี้สามารถแบ่งออกเป็น 7 รางวัล ตามแต่ละประเภทโดยมี

ทั้งหมด 7 ด้าน

1. ด้านการเพิ่มพลผลิต

2. ด้านรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม

3. ด้านการบริหารความปลอดภัย

4. ด้านการบริหารคุณภาพ

5. การจัดการพลังงาน

6. ด้านการบริหารอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม

7. ด้านการจัดการโลจิสติกส์

โรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.tisi.go.th/component/k2/item/3229.html

 วันนี้เป็นวันที่ 5 ธันวาคม 2557 ซึ่งเป็นวันที่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นวันอะไร

วันพ่อแห่งชาติ

วันพ่อแห่งชาติตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กิจกรรมวันพ่อแห่งชาติจัดติดต่อกันทุกปีตั้งแต่ พ.ศ. 2523

ทางโรงพิมพ์มีบทกลอนดีๆมาฝากกันด้วย 

รักของพ่อที่ให้ลูกพันผูกจิต
เกินจะคิดคำเพราะที่เหมาะสม
พระคุณพ่อทั้งโลกากล่าวชื่นชม
น้อมประนมบูชาค่าสักการ
สองมือลูกกราบลงตรงเท้าพ่อ
ลูกจะขอตั้งจิตอธิษฐาน
ทวยเทพไทไตรรัตน์ช่วยบันดาล
ให้สำราญกายใจไร้โรคา ฯ

ขอบคุณกลอนจากดีๆ : http://poem.kapook.com/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD

 http://www.dreampoem.com/forum/index.php?topic=15196.30
โดยคุณ ไอ้แกละ

ความเดิมตอนที่แล้ว ทางแอดมินโรงพิมพ์ ท็อปมัลติพริ้นทส์ได้พูดถึงเกี่ยวกับรางวัลต่างๆในอุตสาหกรรม

วันนี้ "เราจะมาพูดถึงเกี่ยวกับ รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม"

รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม

            รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม เป็นรางวัลของกระทรวงอุตสาหกรรมจัดขึ้น ซึ่งรางวัลดังกล่าวถือเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศและความภาคภูมิใจสูงสุดในความ มุ่งมั่น ตั้งใจ และพัฒนาธุรกิจของตนเองไปสู่ระดับสากล และเพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบการที่มีความวิริยะ อุตสาหะ ในการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง เพื่อเป็นแบบอย่างอันดีแก่กิจการอุตสาหกรรมอื่นๆ ตลอดจนเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ประกอบการ ให้ปฏิบัติตนตามหลักธรรมาภิบาล

           ในแต่ละปี รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมจะมีเพียงแค่ 1 รางวัล สำหรับองค์กรหรือบริษัทที่ได้ผ่านการคัดเลือก โดยมีคุณสมบัติ ดังนั้น

1. เป็นสถานประกอบการที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นมาแล้ว จำนวน 3 ประเภทรางวัลขึ้นไป (ตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 จนถึงปัจจุบัน)

2. สถานประกอบการที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมมาแล้ว จะไม่สามารถรับรางวัลได้อีก จนกว่าจะครบ 5 ปี

3. สถานประกอบการที่ถูกร้องเรียน และทางคณะทำงานพิจารณาคัดเลือกอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมพิจารณาว่าเป็นเรื่องที่มีมูลอันเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของรางวัล จะไม่สามารถสมัครรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมได้จนกว่าเรื่องร้องเรียนจะยุติแล้ว เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี

 มีใครเคยรู้มั้ยว่า ในอุตสาหกรรมต่างๆในประเทศไทยนั้นมีรางวัลสำหรับ องค์กร ที่ได้ปฏิบัติตามระเบียบเงื่อนไขได้ถูกต้อง

วันนี้ทางโรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ จึงขอพูดถึงรางวัลต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง

1. รางวัลธรรมาภิบาล

2. รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น

3. รางวัลอุตสากรรมยอดเยี่ยม

4. รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

5. รางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว

รางวัลเหล่านี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนน้อย แต่ยังมีรางวัลอยู่มากมายที่มีเพื่อให้ผู้ประกอบการหรือองค์กรนั้นมีกำลังใจในการปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบต่างๆ

คาดเศรษฐกิจไทยปีหน้าโตขึ้น 3.5-4%

วันนี้ทางโรงพิมพ์ท็อปมัลติพริ้นทส์ มีบทความน่าสนใจมาให้อ่านกัน

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก ได้เผย ว่า คาดว่าในปี พ.ศ.2558 เศรษฐกิจโลกจะโตขึ้น โดยมี ประเทศอย่างเช่น สหรัฐอเมริกาเป็นแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจโลก

สำหรับเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี พ.ศ.2558 นั้นคาดว่าจะโตขึ้น 3.5-4% ซึ่งต่ำกว่าศักยภาพของประเทศ 5-6% โดยปัจจัยหลักของการเติบโต คือ การฟื้นตัวของการส่งออก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวซึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การส่งออกควรมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบสิ้นค้าเนื่องจาก ความต้องการของโลกนั้นลดน้อยลง

แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยในปี 57 นี้ยังคงอยู่ที่ 2% หรืออาจมีแนวโน้มจะลดลงเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนในปี 58 นั้น อัตราดอกเบี้ยอาจมีการปรับตัวขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ

Credit : www.bangkokbiznews.com